1) กะเทย กับ กระเทย
คำที่ถูก >> กะเทย
คำที่ผิด >> กระเทย
คำคำนี้เจอได้บ่อย แต่จะมีกี่คนที่เขียนถูก ท่องให้ขึ้นใจเลยนะ คำนี้ ไม่มี “ร”
2) โควตา กับ โควต้า
คำที่ถูก >> โควตา
คำที่ผิด >>โควต้า
ตามหลักการเขียนคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษ ไม่ต้องเติมวรรณยุกต์ ดังนั้น Quota จึงเขียนได้ว่าโควตา ไม่ต้องเติมไม้โทให้คำว่า “ตา”
3) ต่างๆ นานา กับ ต่างๆ นาๆ
คำที่ถูก >> ต่างๆ นานา
คำที่ผิด >> ต่างๆ นาๆ
โดยปกติคำซ้ำจะเติมเครื่องหมายไม้ยมกไว้ด้านหลังคำที่ต้องการซ้ำ ยกเว้นคำว่า “นานา” “จะจะ” ที่ไม่ต้องซ้ำ เขียนแบบเดิมสองครั้งได้เลย
4) ผลัดวันประกันพรุ่ง กับ ผัดวันประกันพรุ่ง
คำที่ถูก >> ผัดวันประกันพรุ่ง
คำที่ผิด >> ผลัดวันประกันพรุ่ง
ข้อนี้ออกข้อสอบบ่อย ผัดวันประกันพรุ่งไม่ต้องมี “ล” “ผลัด” แบบนี้ใช้สำหรับ “ผลัดผ้า”
5) ผาสุข กับ ผาสุก
คำที่ถูก >> ผาสุก
คำที่ผิด >> ผาสุข
เชื่อว่าหลายคนไปโยงกับความหมายความสุข ก็เลยใช้ “ข” สะกด แต่จริงๆ แล้วใช้ “ก” สะกด
6) พะแนง กับ พแนง
คำที่ถูก >> พะแนง
คำที่ผิด >> พแนง
พะแนง อาหารโปรดของใครหลายคน คำๆ นี้ สะกดได้ตรงตัวเลย เขียนง่ายๆ ว่า “พะแนง”
7) อย่าร้าง กับ หย่าร้าง
คำที่ถูก >> หย่าร้าง
คำที่ผิด >> อย่าร้าง
คำว่า “หย่า” กับ “อย่า” ออกเสียงเหมือนกันแต่มีความหมายต่างๆ กัน “อย่า” เป็นคำช่วยกริยาที่บอกห้ามหรือไม่ให้ทำสิ่งใดๆ ส่วน “หย่า” หมายถึง การเลิกเป็นสามีภรรยากัน เขียนให้ถูกจะได้ไม่งงความหมาย
8)มัคคุเทศน์ กับ มัคคุเทศก์
คำที่ถูก >> มัคคุเทศก์
คำที่ผิด >> มัคคุเทศน์
มัคคุเทศก์ ก็คือผู้นำเที่ยวหรือไกด์ ไม่ใช่พระที่จะต้องไปนั่งเทศน์ ดังนั้น “เทศ..” ใช้ “ก์” จำง่ายๆ แค่นี้
9) กงเกวียนกำเกวียน กับ กงกำกงเกวียน
คำที่ถูก >> กงเกวียนกำเกวียน
คำที่ผิด >> กงกำกงเกวียน
คำนี้เป็นสำนวน หลายคนติดใช้ กงกำกงเกวียนหรือกงกรรมกงเกวียน แต่ที่ถูกต้องคือ”กงเกวียนกำเกวียน” เพราะทั้ง กง และ กำ เป็นส่วนประกอบของล้อเกวียน โดยคำนี้มีความหมายว่า กรรมตามสนอง
10) กังวาล กับ กังวาน
คำที่ถูก >> กังวาน
คำที่ผิด >> กังวาล
กังวาน หมายถึง เสียงที่ก้องอยู่ได้นาน กังวาน เป็นอีกคำที่สะกดด้วย “น” ได้เลย ไม่ต้องไปสะกดแบบอื่นให้มันยากกว่าเดิม
11) อนุญาติ กับ อนุญาต
คำที่ถูก >> อนุญาต
คำที่ผิด >> อนุญาติ
12) ขี้เกียจ กับ ขี้เกลียด
คำที่ถูก >> ขี้เกียจ
คำที่ผิด >> ขี้เกลียด
คงไม่มีปัญหากับคำว่า เกลียด เพราะจำได้ไม่ยาก ซึ่งคำว่าเกลียดจะหมายถึง ไม่ชอบ, ชัง คำนี้ยังมีความหมายเหมือนกับ “รังเกียจ” อีกด้วย ดูจากวิธีเขียนของคำสองคำก็ต่าง กันแล้ว ดังนั้นเมื่อเจอ “ขี้เกียจ” อีกคำนึง มอาจจะสับสน มองว่ามาจากคำว่า ขี้+เกลียด หรือเปล่า จึงจำผิดมาโดยตลอด ขอให้จำใหม่ขี้เกียจ ไม่ต้องควบกล้ำและใช้ “จ” สะกด
13) ศรีษะ กับ ศีรษะ
คำที่ถูก >> ศีรษะ
คำที่ผิด >> ศรีษะ
การสะกดคำนี้มีปัญหาเพียงอย่างเดียวคือการเติมสระอี ที่มักวางผิดตำแหน่งไปวางตรง “ร” ขอให้น้องๆ จำให้ขึ้นใจว่าหัวเป็นของสูง และเราก็มักจะใส่หมวกที่หัว ดังนั้น “ศ” หัวของตัวอักษรอยู่สูงกว่า “ร” จึงต้องเอาสระอีไปวางไว้ที่ “ศ”
14) ผัดไทย กับ ผัดไท
คำที่ถูก >> ผัดไทย
คำที่ผิด >> ผัดไท
คำนี้มีวิธีการจำง่ายๆ ตามที่ราชบัณฑิตยสถานบอกไว้ก็คือ คำว่า “ไทย” ในผัดไทย เขียนเหมือนคนไทย
15) อานิสงส์ กับ อานิสงฆ์
คำที่ถูก >> อานิสงส์
คำที่ผิด >> อานิสงฆ์
คำสองคำนี้ให้ความรู้สึกใกล้เคียงกัน คือ เป็นเรื่องของศาสนา จึงอาจโยงความหมายและการสะกดคำ เข้าด้วยกัน ซึ่งความจริงแล้ว อานิสงส์ มีความหมายในตัว คือ ผลแห่งกุศลกรรม ซึ่งเป็นคำบาลี(อานิสํส) ไม่ใช่ พระสงฆ์ ดังนั้นจึงใช้ “ส์”
16) ใบกะเพรา กับ ใบกระเพรา
คำที่ถูก >> ใบกะเพรา
คำที่ผิด >> ใบกระเพรา
ร้านอาหารตามสั่งส่วนมากเขียนคำนี้ผิด การเขียนที่ถูกต้องจริงๆ มี “ร” เพียงแค่ที่เดียว คือ”เพรา” ส่วน “กะ” ไม่ต้อง ซึ่งคำนี้จะสลับกับคำว่า กระเพาะ(อาหาร) ที่มี “ร” ในคำว่า “กระ” ส่วน “เพาะ” ไม่มี
17) ข้าวเหนียวมูน กับ ข้าวเหนียวมูล
คำที่ถูก >> ข้าวเหนียวมูน
คำที่ผิด >> ข้าวเหนียวมูล
พูดถึงคำนี้ ดูไม่น่าจะมีคนเขียนผิด แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าคนเขียน ผิดเยอะมาก เพราะชินกับคำว่า “มูล” โดยหารู้ไม่ว่าคำว่ามูล หมายถึง ราก หรือเศษสิ่งของต่างๆ รวมไปถึงอุจจาระ ซึ่ง…เอามารวมกับสิ่งที่เป็นของกิน ถึงจะเป็นแค่ชื่อก็ไม่ไหว ใครจะกล้ากิน ส่วน “มูน” ในที่นี้หมายถึง การเอากะทิมาคลุกเคล้ากับข้าวเหนียวเพื่อให้เกิดความมัน
18) คลินิก กับ คลีนิก กับ คลินิค
คำที่ถูก >> คลินิก
คำที่ผิด >> คลีนิก/ คลินิค
คำนี้เขียนกันหลากหลายรูปแบบเลย ทั้ง คลินิก/ คลีนิก/ คลีนิค/ คลินิค แต่ที่ถูกต้องจริงๆ เป็นเสียงสั้นใช้สระอิ และใช้ “ก” สะกด
19) อุบาทว์ กับ อุบาท กับ อุบาต
คำที่ถูก >> อุบาทว์
คำที่ผิด >> อุบาท
คำที่ออกเสียงว่า “บาด” ในภาษาไทยมีหลายคำทีเดียว เช่น บาท=เท้า, บาตร=บาตรใส่อาหารของพระ, บาด=ของมีคมบาดจนเป็นแผล, บาต=อุกกาบาต รวมถึงคำว่าอุบาทว์ ซึ่งก็เขียนต่างจาก “บาด” คำอื่นๆ โดยจะต้องมี “ว์” ตามหลัง “ท” เสมอ
20) คัดสรร กับ คัดสรรค์
คำที่ถูก >> คัดสรร
คำที่ผิด >> คัดสรรค์
ตระกูลคำที่ออกเสียงว่า “สัน” ในภาษาไทยก็มีหลายคำเหมือนกัน วิธีเขียนก็มีทั้งที่เป็น ร หัน ( -รร) และเขียนโดยใช้ไม้หันอากาศ ในส่วนที่ใช้ ร หัน (-รร) ก็ยิ่งสับสนงงงวยไปอีก เมื่อบางคำก็มีตัวการันต์ บางคำก็ไม่มีตัวการันต์ จากตัวอย่างคำว่า “คัด-สัน” ที่ยกมานี้ก็เป็นอีกคำที่เขียน ผิดบ่อยสุดๆ ท่องกันให้ขึ้นใจเลย “คัดสรร” ไม่ต้องมีตัว “ค์” จ้า เพราะคำว่า “สรร” หมายถึง การเลือก, การคัด อยู่แล้ว และคำนี้ก็เป็นคำซ้อนที่เอาความหมายเหมือนกันมาซ้อนคำกัน
21) สังสรรค์ กับ สังสรร
คำที่ถูก >> สังสรรค์
คำที่ผิด >> สังสรร
อีกหนึ่งตัวอย่างสำหรับคำตระกูล “สัน” แต่สำหรับคำว่า สังสรรค์ จะต้องตามด้วย “ค์” เสมอ
22) โคตร กับ โครต
คำที่ถูก >> โคตร
คำที่ผิด >> โครต
ทั้ง 2 คำอ่านว่า “โคด” เหมือนกัน แต่ถ้าสังเกตการออกเสียงดีๆ จะรู้ว่าคำนี้ไม่มีควบกล้ำ ดังนั้นวิธีเขียนที่ถูกต้องคือ เอา “ร” ไว้หลังสุด คือ โคตร (บางทีอ่านเล่นๆ กันว่า โค-ตะ-ระ )
23) จลาจล กับ จราจล
คำที่ถูก >> จลาจล
คำที่ผิด >> จราจล
สมัยเด็กๆ สับสนคำนี้กันหลายคน เพราะหน้าตามันละม้ายคล้ายกับคำว่า “จราจร” วิธีจำให้เขียนถูกง่ายนิดเดียว คำว่า “จราจร” ใช้ “ร” ทั้งสองตัว ส่วน “จลาจล” ก็ใช้ “ล” ทั้งสองตัวเช่นเดียวกัน
24) น้ำมันก๊าซ กับ น้ำมันก๊าด
คำที่ถูก >> น้ำมันก๊าด
คำที่ผิด >> น้ำมันก๊าซ
น้ำมันก๊าดเป็นเชื้อเพลิงชนิดหนึ่ง ในสมัยก่อนใช้จุดให้แสงสว่างในตะเกียงและยังสามารถใช้เป็นเชื้อเพลิงในเครื่องยนต์ได้ด้วย วิธีเขียนอาจไม่คุ้นชิน แต่ให้จำเอาไว้ว่าเขียนให้ง่ายๆ ตามแบบคนไทยใช้ “ด” สะกดไปเลย ส่วนที่เราใช้ผิดบ่อยๆ ว่า “น้ำมันก๊าซ” นั้นน่าจะติดมาจากคำว่า “ก๊าซ” หรือ “แก๊ส” ที่มาจากต้นฉบับภาษาอังกฤษว่า gas
25) เครื่องหมายดอกจัน กับ เครื่องหมายดอกจันทร์ กับ ดอกจันทน์
คำที่ถูก >> เครื่องหมายดอกจัน
คำที่ผิด >> เครื่องหมายดอกจันทร์/ เครื่องหมายดอกจันทน์
เป็นอีกคำที่ใช้ผิดบ่อยจริงๆ แล้วก็โผล่อยู่ในข้อสอบเกือบทุกโรงเรียน ฮ่าๆ ตระกูลคำว่า “จัน” ทั้ง จันทร์, จันทน์, จัน ใช้สับสนกันไปหมด ซึ่งการเขียนที่ถูกต้องจริงๆ ของกลุ่มนี้คำนี้ มีดังนี้ จัน = ใช้กับคำว่าเครื่องหมายดอกจัน จันทร์ = วันจันทร์ จันทน์ = ดอกไม้จันทน์, ดอกจันทน์(ส่วนเยื่อหุ้มเมล็ดจันทน์เทศ) ดังนั้น สรุปว่า เครื่องหมายดอกจัน ไม่ต้องมีตัวการันต์ทั้งสิ้น
26) ตำรับ กับ ตำหรับ
คำที่ถูก >> ตำรับ
ภาษาไทยขึ้นชื่อว่าเป็นภาษาที่ยากติดอันดับโลก เพราะมีเสียงวรรณยุกต์และการสะกด ที่หลากหลาย อย่าว่าแต่ฝรั่งเลย คนไทยเองก็สับสนเหมือนกัน อย่างคำที่ 26 นี้ ต้องมีน้องๆ เคยสงสัยแน่นอนว่า เขียน “ตำรับ” ทำไมอ่าน “ตำ-หรับ” ทั้งๆ ที่ไม่มีอักษรนำเลย
คำว่า “ตำรับ” เป็นคำแผลงที่มาจากคำว่า “ตรับ” คล้ายๆ กับ ตำรวจที่แผลงมาจากตรวจ ซึ่งการแผลงคำเป็นวิธีหนึ่งที่ใช้ในการสร้างคำขึ้นในภาษาไทย อย่างตัวอย่างนี้ก็แผลงพยัญชนะจากพยางค์เดียวให้มาเป็น 2 พยางค์ โดยหลักการอ่านออกเสียงคำแผลงประเภทนี้มีอยู่ว่า ถ้าคำเดิมเป็นพยัญชนะควบกล้ำ เวลาอ่านออกเสียงในพยางค์หลังต้องมีเสียงวรรณยุกต์เท่าคำเดิม ดังนั้น จาก “ตรับ” จึงอ่านออกเสียงเป็น “ตำ-หรับ” (แม้จะเขียนว่า ตำรับ ก็ตาม)
27) โอกาศ กับ โอกาส
คำที่ถูก >> โอกาส
คำนี้เจอคนเขียนผิดบ่อยมาก มักจะใช้ ศ สะกดเหมือนกับคำว่า อากาศ แต่ที่ถูกต้องจริงๆ จะต้องใช้ “ส” ในการสะกด เนื่องจาก”โอกาส” เป็นคำภาษาบาลี ซึ่งภาษาบาลี ไม่มี “ศ” “ษ”
28) ทะเลสาบ กับ ทะเลสาป
คำที่ถูก >> ทะเลสาบ
คำว่า “สาบ” กับ “สาป” เป็นอีกคู่ที่น้องๆ มักสับสน นอกจากไม่รู้ว่าต้องใช้ตัวไหนแล้วยังไม่รู้ด้วยว่าสองคำนี้ต่างกันอย่างไร คำว่า “สาป” ในภาษาไทยมีเพียงความหมายเดียว หมายถึง คำแช่งให้เป็นไปต่างๆ มาจากภาษาบาลี ส่วน “สาบ” มีหลายความหมายเลย เช่น กลิ่นเหม็นสาบ, แมลงสาบ, สาบเสื้อสำหรับเจาะรังดุม และใช้เรียกห้วงน้ำใหญ่คล้ายบึง หรือ ทะเลสาบ ดังนั้นถ้าไม่ได้คิดแช่งใคร เมื่อสะกดคำว่า “สาบ” ให้ใช้ “บ” สะกดเสมอ
29) เครื่องสำอางค์ กับ เครื่องสำอาง
คำที่ถูก >> เครื่องสำอาง
อีกหนึ่งคำที่มองไปทางไหนก็เจอแต่คนเขียนผิดและใช้ผิดต่อๆ กันไม่รู้ตัว ทั้งๆ ที่ความจริงแล้ว เครื่องสำอางค์ ที่เขียนแบบนี้ไม่มีความหมายในภาษาไทยเลย ที่ถูกต้องจริงๆ ต้องเขียนว่า “เครื่องสำอาง” แบบไม่มี “ค์” (บางทีคนไทยก็ชอบเขียนคำง่ายๆ ให้เป็นคำยากๆ เสมอ โดยคำว่า “สำอาง” มีความหมายว่า สิ่งเสริมแต่ง บำรุงใบหน้า, งามสะอาดหมดจด เป็นต้น
30) นะค่ะ กับ นะคะ กับ น๊ะค๊ะ
คำที่ถูก >> นะคะ
สำหรับสาวๆ ที่ต้องใช้คำนี้เพื่อลงท้ายให้สุภาพ ควรเขียนคำนี้ให้ถูกต้องนะคะ เพราะต้องใช้ไปจนแก่เลย /น/ และ /ค/ เป็นอักษรต่ำ ไม่ต้องเติมวรรณยุกต์ก็ออกเสียงวรรณยุกต์ตรีอยู่แล้ว ดังนั้น น๊ะค๊ะ ผิดเต็มๆ ส่วนนะค่ะ ไม่มีความหมายในภาษาไทย
31) บังสุกุล กับ บังสกุล
คำที่ถูก >> บังสุกุล
บังสุกุล เป็นคำที่ใช้เรียกผ้าที่พระสงฆ์ชักจากศพหรือผ้าที่ทอดไว้หน้าศพ คำนี้เมื่อพูดเร็วๆ รัวๆ อาจฟังเป็น บังสกุล ซึ่งเป็นการสะกดที่ผิด (สกุล หมายถึง วงศ์ตระกูล) ก่อนสตาร์ทเขียนคำนี้ ตั้งสติดีๆ และอย่าลืมเติม “สระอุ” สองตัว
32) บัญญัติไตรยางค์ กับ บัญญัติไตรยางศ์
คำที่ถูก >> บัญญัติไตรยางศ์
บัญญัติไตรยางศ์ เป็นวิธีการทางคณิตศาสตร์วิธีนึงใช้สำหรับการเปรียบเทียบ สะกดเหมือนคำว่า “ไตรยางศ์” ที่แปลว่า 3 ส่วน ใช้ “ศ์” เสมอ ส่วน “ไตรยางค์” คำนี้ไม่มีความหมาย
33) บิดพลิ้ว กับ บิดพริ้ว
คำที่ถูก >> บิดพลิ้ว
สำหรับคำนี้จุดที่ผิดบ่อยๆ คือ คำว่า “พลิ้ว” หลายคนใช้ควบกล้ำ “พร” เพราะดูคุ้นกว่า แต่หารู้ไม่ว่าในภาษาไทยคำว่าพริ้ว ไม่มีความหมาย ท่องไว้ “พลิ้ว” คือ อาการบิดเบี้ยว หรือสะบัดไปตามลม ดังนั้นเมื่อเจอ “ลม” ก็ใช้ “ล” สะกด
34) บูชายันต์ กับ บูชายัญ
คำที่ถูก >> บูชายัญ
การบูชายัญ เป็นการบูชาของพราหมณ์อย่างหนึ่งด้วยวิธีการฆ่าคนหรือสัตว์เป็นเครื่องบูชา ซึ่งคำว่า “ยัญ” ใน บูชายัญมีความหมายในตัวของมันอยู่แล้วคือ การเซ่น, การบูชา ดังนั้นก่อนเขียนให้ระลึกเสมอว่าบูชายัญเป็นการฆ่าคน ไม่ใช่การบูชาผ้ายันต์
35) ปฐมนิเทศ กับ ปฐมนิเทศก์
คำที่ถูก >> ปฐมนิเทศ
ปฐมหมายถึงลำดับแรก ส่วนนิเทศ หมายถึงการชี้แจง, การแสดง โดย “นิเทศ” คำนี้ไม่ต้องมีตัวการันต์ ปล่อยโล่งๆ แบบนี้
36) เปอร์เซนต์ กับ เปอร์เซ็นต์
คำที่ถูก >> เปอร์เซ็นต์
ราชบัณฑิตยสถานได้ระบุวิธีเขียนคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษไว้หลายคำ รวมถึงคำว่า percent ด้วย ซึ่งวิธีเขียนที่ถูกต้องจะต้องใส่ไม้ไต่คู้ในพยางค์หลังว่า “เปอร์เซ็นต์”
37) ผีซ้ำด้ามพลอย กับ ผีซ้ำด้ำพลอย
คำที่ถูก >> ผีซ้ำด้ำพลอย
เป็นอีกสำนวนหนึ่งที่เขียนผิดกันบ่อยๆ สาเหตุที่คนส่วนใหญ่เขียนคำนี้ผิดเป็น “ผีซ้ำด้ามพลอย” คงเป็นเพราะไม่รู้ความหมายของคำว่า “ด้ำ” ฟังไปฟังมาเลยเพี้ยนกลายเป็น “ด้าม” ไปซะอย่างนั้น คำว่า “ด้ำ” เป็นภาษาถิ่นในภาคอีสาน หมายถึง ผีเรือน ผีซ้ำด้ำพลอยก็หมายถึง เราถูกผีอื่นกระทำแล้วยังถูกผีเรือนของตัวเองซ้ำเติมอีก ดังนั้นสำนวนนี้จึงหมายถึง ถูกซ้ำเติมอีกเมื่อพลาดพลั้ง ประมาณซวยซ้ำซวยซ้อนก็ได้
38) พิธีรีตอง กับ พิธีรีตรอง
คำที่ถูก >> พิธีรีตอง
พิธีรีตอง หมายถึง งานพิธีตามแบบตามธรรมเนียม เวลาเขียนคำนี้ไม่ต้องเติม “ร” ในคำว่า “ตอง” ท่องเลยๆ
39) แพทยศาสตร์ กับ แพทย์ศาสตร์
คำที่ถูก >> แพทยศาสตร์
ใครอยากเป็นหมอจำคำนี้ไว้ดีๆ คำว่า “แพทยศาสตร์” เป็นคำสมาสระหว่างคำว่า “แพทย์” + “ศาสตร์” เมื่อเอามารวมกัน คำก่อนหน้าที่มีการันต์ให้ตัดทิ้งได้เลย ดังนั้นเวลาออกเสียงคำนี้ให้อ่านว่า “แพด-ทะ-ยะ-สาด”
40) มัสหมั่น กับ มัสมั่น
คำที่ถูก >> มัสมั่น
มัสมั่นเป็นชื่อแกงชนิดหนึ่ง ที่มีลักษณะเป็นแกงข้น ปรุงด้วยเครื่องเทศ ใส่ไก่หรือเนื้อลงไป (อร่อยมาก) น้องๆ หลายคนท่องกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานกันได้ แต่จะมีซักกี่คนที่เขียน “มัสมั่น” ถูก แม้ว่าพยางค์หลังของคำนี้ออกเสียงเหมือนมีอักษรนำตามหลัง แต่วิธีการเขียนที่ถูกต้องในภาษาไทย ต้องไม่มี “ห”
41) มาตรฐาน กับ มาตราฐาน
คำที่ถูก >> มาตรฐาน
คำง่ายๆ ที่บางคนก็เขียนผิด คำว่า “มาตรฐาน” เป็นคำสมาสอีกแล้ว เป็นการสมาสกันระหว่างคำ มาตร(สันสกฤต) + ฐาน(บาลี) ซึ่งเวลาอ่านคำสมาสเราก็ต้องออกเสียงสระอะ ของพยางค์ท้ายในคำหน้าด้วย การออกเสียงบ่อยๆ ทำให้รู้ว่าคำนี้เป็นเสียงสั้น อ่านว่า “มาด-ตระ-ถาน” ไม่ใช่ “มาด-ตรา-ถาน” ดังนั้นไม่ต้องเติม “สระอา” ตรงกลาง
42) เวทมนต์ กับ เวทย์มนตร์ กับ เวทมนตร์
คำที่ถูก >> เวทมนตร์
“เวทมนตร์” หมายถึง คำศักดิ์สิทธิ์ที่บริกรรมเพื่อให้สำเร็จตามสิ่งที่้ต้องการ คำนี้เขียนผิดกันหลายแบบ โดยจะสับสนว่าต้องใส่ตัวการันต์หรือไม่ ใส่กี่คำ และใช้ตัวการันต์ตัวไหน สรุปง่ายๆ ว่า คำว่า “เวท” ไม่ต้องมีการันต์ โดยจะหมายถึงความรู้, ถ้อยคำศักดิ์สิทธิ์ที่ผูกขึ้นเป็นคาถาอาคม เป็น “เวท” ตัวเดียวกับคำว่า “ร่ายเวท” “สามเวท” ส่วนคำว่า “มนตร์” นั้น ใช้ “ตร์” เป็นคำสันสกฤต
43) แมลงสาป กับ แมลงสาบ
คำที่ถูก >> แมลงสาบ
หลักการเขียนคำว่า “สาบ” การเขียนคำนี้ให้ถูกต้อง ต้องใช้ “บ” ถึงจะถูกต้อง
44) ไยแมงมุม กับ ใยแมงมุม
คำที่ถูก >> ใยแมงมุม
45) หยากใย่ กับ หยากไย่
คำที่ถูก >> หยากไย่
46) ลำไย กับ ลำใย
คำที่ถูก >> ลำไย
พูดถึงการใช้สระ “ไ-” และ “ใ-” ในภาษาไทยสับสนกันพอสมควร วิธีจำการเขียนที่ถูกต้องคำในกลุ่มนี้ก็ไม่ยาก เคยท่องกลอน “คำไทยที่ใช้ไม้ม้วน” กันมาแล้ว ซึ่งกลอนบทนั้นได้รวบรวมคำไทยที่ใช้ไม้ม้วนทั้งหมด 20 คำไว้ ดังนั้นไม่มั่นใจคำไหน เสียเวลาท่องในใจกัน ถ้าไม่เห็นว่าอยู่ในกลอนนี้ใช้ “ไ-” โลด
ผู้ใหญ่หาผ้าใหม่ ให้สะใภ้ใช้คล้องคอ
ใฝ่ใจเอาใส่ห่อ มิหลงใหลใครขอดู
จะใคร่ลงเรือใบ ดูน้ำใสและปลาปู
สิ่งใดอยู่ในตู้ มิใช่อยู่ใต้ตั่งเตียง
บ้าใบ้ถือใยบัว หูตามัวมาใกล้เคียง
เล่าท่องอย่าละเลี่ยง ยี่สิบม้วนจำจงดี
สรุปแล้ว ใยแมงมุม ต้องใช้ ไม้ม้วน “ใ-” เหมือนห่วงใยส่วน “หยากไย่” และ “ลำไย” ใช้ไม้มลาย “ไ-”
47) ริดรอน กับ ลิดรอน
คำที่ถูก >> ลิดรอน
จำได้ว่าสมัยเรียนเจอคำนี้ออกข้อสอบบ่อยเหลือเกิน(แต่ก็ไม่เคยจำวิธีเขียนที่ถูกซะที) ไม่แน่ใจว่าเดี๋ยวนี้อาจารย์ยังเอามาออกข้อสอบอยู่หรือเปล่า สำหรับคำนี้จะมึนๆ เรื่องการใช้พยัญชนะ เพราะไม่รู้ว่าพยางค์ไหนใช้ “ร” “ล” บางทีก็เขียนผิดไปใช้พยัญชนะตัวเดียวกันทั้งพยางค์หน้าและหลัง
วิธีการเขียนคำนี้ให้ถูกต้อง ต้องเขียนว่า “ลิดรอน” พยางค์หน้าใช้ “ล” พยางค์หลังใช้ “ร”อยากเขียนคำนี้ให้ถูกต้อง ต้องฝึกเขียนบ่อยๆ ค่ะเพื่อให้ชินมือ นอกจากนี้การอ่านออกเสียงควบกล้ำให้ตัวเองฟังบ่อยๆ ก็ช่วยจำวิธีเขียนคำนี้ได้เหมือนกัน
48) ลูกเกด กับ ลูกเกตุ
คำที่ถูก >> ลูกเกด
ลูกเกด คือ ลูกองุ่นแห้งที่เป็นของกินเล่น หรือใช้ใส่ในข้าวผัดอเมริกันนั่นเอง “ลูกเกด” สะกดตรงๆ ใช้ “ด” สะกดได้เลย ซึ่งคำว่า “เกด” ก็หมายถึงลูกองุ่นแห้งอยู่แล้ว ส่วนคำว่า “เกตุ” จะหมายถึง ธง ความหมายคนละเรื่องเลย นอกจากนี้คำที่อ่านว่า “เกด” ที่มีปัญหาอีกคำ คือ “สังเกต” คำนี้ใช้ “ต” สะกด โดยไม่ต้องเติมสระอุ
49) ไล่เรียง กับ ไล่เลียง
คำที่ถูก >> ไล่เลียง
“ไล่เลียง” คือ การซักไซ้, ไต่ถาม มักจะใช้คู่กับคำว่า ซักไซ้ไล่เลียง คำนี้ใช้ “ล” สะกดทั้งสองตัวเลยนะคะ เพราะถ้าแยกความหมายของคำทั้งสองออก จากกัน จะพบว่า “ไล่” หมายถึง การขับออก, บังคับให้ไป ส่วน “เลียง” ก็หมายถึง การไล่สิ่งไม่บริสุทธิ์ออก ดังนั้นคำนี้จึงเป็นคำซ้อน ประเภทซ้อนความหมายค่ะ จำไว้เลยว่า คำนี้ คำหน้าและหลังมีความหมายเหมือนกัน และใช้พยัญชนะต้นตัวเดียวกันด้วย
50) วิ่งเปี้ยว กับ วิ่งเปรี้ยว
คำที่ถูก >> วิ่งเปี้ยว
ปกติคำนี้เราใช้แต่วิธีพูด ไม่ค่อยได้ลงมือเขียนกันเท่าไหร่ ฉะนั้นเวลาต้องมาเขียนจริงๆ ก็นึกไปเองว่าใช้ “เปรี้ยว” เหมือนรสเปรี้ยว แต่ที่ถูกต้องจริงๆ เขียน “เปี้ยว” ธรรมดา ไม่ต้องเติม “ร”